หลายๆ ธุรกิจได้มีการนำ location-based ไปเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดกันบ้างแล้วโดยเฉพาะธุรกิจที่มีหน้าร้าน ด้วยจุดประสงค์ในการทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เชื่อมการทำกิจกรรม การซื้อสินค้าบนโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน สำหรับในปีนี้ Location-Based ก็ยังคงมีความน่าสนใจอย่างต่อเนื่องและเป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจไม่ควรพลาด ด้วย 4 เหตุผลดังนี้
Location-Based ให้ประสบการณ์แบบ Omni Channel กับกลุ่มเป้าหมาย
ในขณะที่การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มีสูงขึ้นในทุกๆ ปี กลุ่มลูกค้าก็ยังมีการซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านอยู่อย่างไม่ขาด ทำให้ช่องทางการขายผ่านหน้าร้านยังเป็นช่องทางหลักอยู่พอสมควร
ไม่ใช่แค่ธุรกิจที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว ธุรกิจ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ เช่น Alibaba, Amazon ก็เริ่มพาร์ทเนอร์กับกลุ่มธุรกิจหลายๆ แห่ง เพื่อทำการเปิดขยายสาขาแบบหน้าร้านให้เกิดขึ้น เช่น Amazon ได้มีการรวมธุรกิจกับซุปเปอร์มาร์เกตแบบออแกนิก เครือของ Whold Foods เพื่อทำการเปิดเป็นร้านค้าปลีกที่แรกใน Seattle เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ด้วยเทรนด์นี้ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกต้องเริ่มปรับตัว และปรับความคิดในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในร้านให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มการปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ให้เกิดขึ้น ทั้งนี้รวมไปถึงการนำกลยุทธ์การสร้างประสบกาณ์ที่สะดวกสบายแบบเช่นเดียวกับการซื้อสินค้าออนไลน์มาใช้ที่หน้าร้านด้วยเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าโลกออนไลน์และออฟไลน์ไม่ได้แยกจากกันอีกต่อไป ยังมีการผสานเข้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจค้าปลีกที่จะวางกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มจำนวนของกลุ่มเป้าหมายที่หน้าร้าน และการมีส่วนเริ่มเพิ่มเติมที่หน้าร้านด้วย เช่น การทำกิจกรรมออนไลน์ และมารับสินค้าตัวอย่างที่หน้าร้าน เป็นต้น
เข้าถึง insight ของกลุ่มเป้าหมายผ่านการค้นหาข้อมูล และสถานที่ที่เคยไป
โดยปกติเราใช้ Smartphone ในการทำกิจกรรมต่างๆ กันไปในแต่ละวัน เช่น
– ดูข้อมูลเวลาเปิด–ปิดของร้านอาหาร หรือร้านค้า
– ดูข้อมูลตำแหน่งร้านค้า
– ดูเส้นทางไปยังร้านค้า
– ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า
– กดรับส่วนลด หรือโปรโมชั่นพิเศษ
ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้สามารถให้ข้อมูลที่แสดงถึงพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยทำให้แบรนด์ทราบถึงความสนใจ รวมถึงพฤติกรรมในการซื้อสินค้า ของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และสามารถทำการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจง และส่งโปรโมชั่นที่ลูกค้าสนใจได้ตรงขึ้น
เจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือือ
ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายต้องการรับโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษจากแบรนด์ต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกหลายๆ แห่งยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักกับการสื่อสารผ่านทางช่องทางเหล่านี้
โทรศัพท์มือถือเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมต่อโลกดิจิตัลเข้ากับโลกออฟไลน์ได้ดีทีเดียว เพราะโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวสามารถบ่งบอกถึงความเป็นส่วนตัวเฉพาะบุคคล และยังเป็นการเชื่อมต่อพฤติกรรมของบุคคลเหล่านั้นที่เกิดขึ้นบนโลกออฟไลน์และออนไลน์ด้วย
ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกในกาารเพิ่มจำนวนลูกค้าที่หน้าร้าน เพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย ด้วยการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์
ให้ประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมาย
ในการทำธุรกิจในยุคที่มีการแข่งขันสูง การที่จะโดดเด่นและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ต้องมีการสื่อสารแบบเฉพาะเจาะจง ทั้งประสบการณ์การซื้อสินค้า และโปรโมชั่นต่างๆ
การตลาดแบบ Location-Based ช่วยทำให้ นักการตลาดแบบธุรกิจค้าปลีก สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตามประเภทของลูกค้า เช่น เป็นลูกค้าอยู่แล้ว, ยังไม่ได้เป็นลูกค้า รวมถึงลูกค้าที่มีการซื้อสินค้าจากคู่แข่งบ่อยๆ
แพลตฟอร์มที่กล่าวถึงนี้คือ Geo-fencing ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ทันที ในพื้นที่แบบเจาะจง ด้วยข้อความเฉพาะบุคคล และโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล เท่านั้น
นี่คือ 4 เหตุผลของเทรนด์การตลาดแบบ location-based ที่คนทำธุรกิจต้องมี เพราะการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการเจาะกลุ่มเป้าหมายด้วยกลยุทธ์แบบ location – based เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการเก็บข้อมูลพฤติกรรม เพื่อนำมาทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง ช่วยให้แบรนด์เข้าใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากกว่าเดิม