by monchaya.dan | Jun 26, 2018 | Mobile Marketing, Retail Marketing
หลายๆ ธุรกิจได้มีการนำ location-based ไปเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดกันบ้างแล้วโดยเฉพาะธุรกิจที่มีหน้าร้าน ด้วยจุดประสงค์ในการทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เชื่อมการทำกิจกรรม การซื้อสินค้าบนโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน สำหรับในปีนี้ Location-Based ก็ยังคงมีความน่าสนใจอย่างต่อเนื่องและเป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจไม่ควรพลาด ด้วย 4 เหตุผลดังนี้
Location-Based ให้ประสบการณ์แบบ Omni Channel กับกลุ่มเป้าหมาย
ในขณะที่การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มีสูงขึ้นในทุกๆ ปี กลุ่มลูกค้าก็ยังมีการซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านอยู่อย่างไม่ขาด ทำให้ช่องทางการขายผ่านหน้าร้านยังเป็นช่องทางหลักอยู่พอสมควร
ไม่ใช่แค่ธุรกิจที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว ธุรกิจ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ เช่น Alibaba, Amazon ก็เริ่มพาร์ทเนอร์กับกลุ่มธุรกิจหลายๆ แห่ง เพื่อทำการเปิดขยายสาขาแบบหน้าร้านให้เกิดขึ้น เช่น Amazon ได้มีการรวมธุรกิจกับซุปเปอร์มาร์เกตแบบออแกนิก เครือของ Whold Foods เพื่อทำการเปิดเป็นร้านค้าปลีกที่แรกใน Seattle เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

Photo Credit : AndriodCentral
ด้วยเทรนด์นี้ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกต้องเริ่มปรับตัว และปรับความคิดในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในร้านให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มการปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ให้เกิดขึ้น ทั้งนี้รวมไปถึงการนำกลยุทธ์การสร้างประสบกาณ์ที่สะดวกสบายแบบเช่นเดียวกับการซื้อสินค้าออนไลน์มาใช้ที่หน้าร้านด้วยเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าโลกออนไลน์และออฟไลน์ไม่ได้แยกจากกันอีกต่อไป ยังมีการผสานเข้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจค้าปลีกที่จะวางกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มจำนวนของกลุ่มเป้าหมายที่หน้าร้าน และการมีส่วนเริ่มเพิ่มเติมที่หน้าร้านด้วย เช่น การทำกิจกรรมออนไลน์ และมารับสินค้าตัวอย่างที่หน้าร้าน เป็นต้น
เข้าถึง insight ของกลุ่มเป้าหมายผ่านการค้นหาข้อมูล และสถานที่ที่เคยไป
โดยปกติเราใช้ Smartphone ในการทำกิจกรรมต่างๆ กันไปในแต่ละวัน เช่น
– ดูข้อมูลเวลาเปิด–ปิดของร้านอาหาร หรือร้านค้า
– ดูข้อมูลตำแหน่งร้านค้า
– ดูเส้นทางไปยังร้านค้า
– ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า
– กดรับส่วนลด หรือโปรโมชั่นพิเศษ
ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้สามารถให้ข้อมูลที่แสดงถึงพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยทำให้แบรนด์ทราบถึงความสนใจ รวมถึงพฤติกรรมในการซื้อสินค้า ของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และสามารถทำการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจง และส่งโปรโมชั่นที่ลูกค้าสนใจได้ตรงขึ้น
เจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือือ
ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายต้องการรับโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษจากแบรนด์ต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกหลายๆ แห่งยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักกับการสื่อสารผ่านทางช่องทางเหล่านี้
โทรศัพท์มือถือเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมต่อโลกดิจิตัลเข้ากับโลกออฟไลน์ได้ดีทีเดียว เพราะโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวสามารถบ่งบอกถึงความเป็นส่วนตัวเฉพาะบุคคล และยังเป็นการเชื่อมต่อพฤติกรรมของบุคคลเหล่านั้นที่เกิดขึ้นบนโลกออฟไลน์และออนไลน์ด้วย
ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกในกาารเพิ่มจำนวนลูกค้าที่หน้าร้าน เพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย ด้วยการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์
ให้ประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมาย
ในการทำธุรกิจในยุคที่มีการแข่งขันสูง การที่จะโดดเด่นและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ต้องมีการสื่อสารแบบเฉพาะเจาะจง ทั้งประสบการณ์การซื้อสินค้า และโปรโมชั่นต่างๆ
การตลาดแบบ Location-Based ช่วยทำให้ นักการตลาดแบบธุรกิจค้าปลีก สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตามประเภทของลูกค้า เช่น เป็นลูกค้าอยู่แล้ว, ยังไม่ได้เป็นลูกค้า รวมถึงลูกค้าที่มีการซื้อสินค้าจากคู่แข่งบ่อยๆ
แพลตฟอร์มที่กล่าวถึงนี้คือ Geo-fencing ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ทันที ในพื้นที่แบบเจาะจง ด้วยข้อความเฉพาะบุคคล และโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล เท่านั้น
นี่คือ 4 เหตุผลของเทรนด์การตลาดแบบ location-based ที่คนทำธุรกิจต้องมี เพราะการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการเจาะกลุ่มเป้าหมายด้วยกลยุทธ์แบบ location – based เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการเก็บข้อมูลพฤติกรรม เพื่อนำมาทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง ช่วยให้แบรนด์เข้าใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากกว่าเดิม
by monchaya.dan | Jun 15, 2018 | Mobile Marketing, Retail Marketing
เมื่อเทคโนโลยี payment ไม่ใช่แค่การชำระเงินอีกต่อไป แต่คือการโปรโมทแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จัก..
Starbucks ที่ญี่ปุ่นได้ร่วมกับ Beam แบรนด์แฟชั่น ในการออกแบบ “Starbucks Touch the Drip” ลักษณะเป็นที่ห้อยกระเป๋า พวงกุญแจ แทนการใช้บัตรสมาชิกท่ัวไป สามารถใช้ชำระเงินได้ง่ายสะดวก แค่เอาไปแตะตรงจุดจ่ายเงิน ก็สามารถชำระเงินได้ แล้ว
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการผสมผสานเทคโนโลยีกับไลฟ์สไตล์ สร้างเป็นการตลาดที่แสดงให้ถึงการเชื่อมต่อของออนไลน์และออฟไลน์ได้น่าสนใจ เพราะนอกจากช่วยลดขั้นตอนการชำระเงินที่ไม่ต้องหยิบบัตร เปิดแอป แค่หยิบพวงกุญแจแล้วแตะชำระ ก็จบขั้นตอน แถมยังได้โปรโมทแบรนด์อีกด้วย
อีกหนึ่งก้าวที่น่าสนใจที่แบรนด์ต่างๆ ถ้านำไปปรับใช้อาจเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างของแบรนด์คุณได้เลยทีเดียว
ลองดูวิดีโอและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย
by monchaya.dan | May 25, 2018 | Mobile Marketing, Retail Marketing
จะเป็นอย่างไรถ้าการช้อปปิ้งของคุณสนุกกว่าเดิมด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยีอย่าง AR?
ในวันที่โลกออนไลน์และออฟไลน์ไม่ได้มาคู่ขนานกันต่อไป ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันอย่างไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านเครื่องมือทางการตลาดอย่าง SMS Marketing , QR Code หรือ การรักษากลุ่มลูกค้าผ่านแพลตฟอร์ม CRM ที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้เพียงผ่านมือถือแค่เครื่องเดียว
ประเทศจีนได้มีการเริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการกระตุ้น ให้วัยรุ่นจีนลดความเข้มข้นในการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านเวป e-commerce อย่าง Alibaba ออกมาช้อปปิ้งที่โลกออฟไลน์มากขึ้น
บริษัท Start Up ชื่อ “Coolhobo” ได้สร้าง Application ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยช้อปปิ้งได้อย่างน่าสนใจผ่าน AR Technology โดย Supermarket ใหญ่อย่าง Ole’ และ BLT ได้เข้ามามีบทบาทและร่วมพัฒนากับ Coolhobo ในการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งออฟไลน์รูปแบบใหม่ ที่รับรองว่าไม่สามารถช้อปปิ้งแบบนี้บนโลกออนไลน์ได้
ในแอพประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ
.
1. ส่วนที่ให้คำแนะนำในการช้อปปิ้งที่ Supermarket ทั้งแนะนำเส้นทางที่สั้นทีสุดในการซื้อสินค้าตามรายการ, เวลาในการช้อปปิ้งตาม list สินค้า เป็นต้น
2. ส่วนที่แนะนำเรื่องสินค้า ทั้งข้อมูลหลัก รวมถึงประวัติ และ VDO โฆษณา
3. และส่วนที่เกี่ยวกับ Lifestyle ทั้งการดูรีวิว, เล่นเกมเพื่อค้นหาสินค้าใหม่ๆ และสะสมคูปองทำโปรโมชั่น เป็นต้น
.
โดยทั้งสามส่วนนี้คาดหวังว่าจะทำให้คนรุ่นใหม่ที่ช้อปออนไลน์ยอมผละตัวเองออกมาสู่ห้างร้านจริงๆมากขึ้น คงจะน่าสนใจมากหากวิวัฒนาการนี้ได้ถูกนำมาใช้จริงจังทั้งจีนและบ้านเรา
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ App นี้ : https://www.coolhobo.com/en/home#about
Video ตัวอย่างการใช้งานใน Supermarket :
by admin | Feb 6, 2018 | Digital Marketing, Retail Marketing, SMS Marketing
จบไปแล้วกับงาน O2O for eTailers ที่ EGG Digital จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ซึ่งได้รับความสนใจจนทำให้ที่นั่งเต็มภายใน 3 วันแรกที่เปิดรับสมัคร งานนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่าน รวมไปถึงผู้เข้าร่วมสัมมนา และ Speaker รับเชิญทุกคน
บริการจาก EGG Digital — Smart POS, LINE@, SMS
เนื้อหาหลักจะถูกแบ่งเป็น 2 ช่วง ซึ่งช่วงแรกจะเป็นการอัพเดทเทรนด์ทางด้านดิจิทัล และเครื่องมือในการทำการตลาด สำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกยุคใหม่ที่ต้องรู้ ส่วนช่วงที่สองจะเป็นช่วงการเสวนาในหัวข้อ O2O and Marketing Strategy
งานนี้มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้าง ทีมงาน EGG Digital ได้สรุปทั้ง 2 ช่วงมาฝากกันในบทความนี้
“Digital Marketing / Marketing Tools for Retailers”
โดย คุณธนานันท์ อรุณรักษ์ติชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ weloveshopping.com
คุณธนานันท์ อรุณรักษ์ติชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ weloveshopping.com
• ธุรกิจแต่ละประเภทจะต้องเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้าของตัวเอง รวมไปถึงการใช้ข้อมูลจำนวนมาก หรือ Big Data ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ O2O และสามารถคาดเดาความต้องการของลูกค้าได้
• หากคุณคิดจะทำเว็บไซต์ของธุรกิจ ให้ทำเป็น Responsive Web Design ที่สามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอไปตาม Device ที่ใช้ได้ เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคใช้โทรศัพท์มือถือในการค้นหาข้อมูลเป็นหลัก
• ไม่ใช่แค่สังคมไร้เงินสด แต่เป็นสังคมไร้บัตร เพราะทุกอย่างจะอยู่บนโทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเพื่อติดต่อสอบถาม สะสมคะแนน และระบบจ่ายเงิน ผ่าน QR Code
• ในปัจจุบัน Location Data และ GPS Technology มีความแม่นยำมากขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจของคุณที่ต้องปัก Pin ใน Online Maps ให้ถูกต้อง
• ความคาดหวังของลูกค้าต่อร้านค้า Brick and Mortar คือการพูดคุยและการแนะนำ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลอยู่ด้วย
• Personalization คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ และแสดงความเป็นตัวตนของลูกค้าออกมาทางการใช้แบรนด์นั้นๆ
Download : Digital Marketing Tools for Retailers
“O2O and Marketing Strategy”